วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

การดูแลตับของเราให้ดีีี

สำหรับผู้ห่วงใยในสุขภาพที่ดีของตับในร่างกาย   การพักผ่อนที่เพียงพอและการนอนหลับที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญ   ถ้าหากคุณยังมีปัญหาในการนอนหลับ   พิษและของเสียที่อยู่ในร่างกายย่อมจะสะสมและเป็นปัญหาต่อสุขภาพและอารมณ์ของคุณเอง
สาเหตุหลักที่ทำลายตับของคุณคือ

1. การนอนดึกและตื่นสายเป็นสาเหตุลำดับต้น ๆ
2. การไม่ปัสสาวะในตอนเช้า
3. ทานจุเป็นประจำ
4. ไม่รับประทานอาหารเช้า
5. บริโภคยามากเกินไป
6. บริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสีย  สีผสมอาหาร   วัตถุปรุงแต่ง  และน้ำตาลเทียม
7. บริโภคน้ำมันที่ใช้ทำอาหารซึ่งด้อยคุณภาพและไม่เป็นประโยชน์  ถ้าหากคุณสามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันในการทอดอาหารซึ่งรวมถึงการใช้น้ำมันที่ดีที่สุดที่ใช้ทำอาหาร  เช่น 
    น้ำมันมะกอก จงหลีกเลี่ยงการบริโภคของทอด
   เมื่อคุณมีอาการเหน็ดเหนื่อย  อ่อนเพลีย   ยกเว้นถ้าหากร่างกายคุณฟิต
8. บริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงมากเกินไปย่อมสร้างภาระแก่ตับ  ผักควรทานสด ๆ  หรือผ่านการทำให้สุก  เพียง 3-5 ส่วน    ผักที่ผ่านการผัดควรจะบริโภคให้หมดในมื้อเดียว   อย่าเก็บไว้ทาน
    ในมื้ออื่น ๆ  ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง  เช่น ลูกเดือย    ข้าวฟ่าง ฯลฯ  มีประโยชน์ต่อลำไส้  คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบคทีเรีย ชนิดไม่ดีออกจากลำไส้เรา ควรกินอาทิตย์ละครั้ง
     เป็นอย่างน้อย
    พืชผักสีเขียวมีคลอโรฟิว  ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยง    ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี  เซลล์แต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจน
    ไปหล่อเลี้ยง  ก่อนเอาผักมากิน  เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ  อย่าลืมแช่   ผักด้วยน้ำส้มสายชู 45 นาที
         
          เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา  3  ทุ่ม   เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ  ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ   ย่อยอาหารให้หมด  ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน 
แถมนอนดึกอีก   รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ยแน่นอน   ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสม   แต่ถ้าต้องนอนดึกเลี่ยงไม่ได้  เพราะอ่านหนังสือเตรียมสอบ  ทำรายงาน  ขนงานมาทำ  หรือติดงาน
อะไรก็ตาม  ควรปฏิบัติดังนี้  :

          1. งดเนื้อสัตว์   เช่น  เนื้อวัว   เนื้อหมู   ไก่  เพราะย่อยยาก ลำไส้ต้องทำงานหนัก   แต่ถ้าหากเราอยากกินเนื้อสัตว์ก็ควรช่วยลำไส้ย่อย
ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด  ยิ่งเคี้ยวละเอียดก็ยิ่งดี  จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้ 
          2. ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ  หรือ  น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง   หรือถ้าไม่มีอะไรเลย  น้ำอุ่นธรรมดา สัก  1 แก้วก็ได้ เหมือนกัน 
          3. เวลานอน  ควรทำให้ช่วงท้อง / ฝ่าเท้าอุ่น   โดยการห่มผ้าหรือใส่ถุงเท้าด้วยก็จะดี
          4. ที่จริงมื้อดึก  ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น  ผัก  ผลไม้  นม ไข่  เนื้อปลา  จะดีกว่า
          5. ควรเลี่ยงน้ำเย็น  น้ำอัดลม  เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายในร่างกาย   ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร  หากดื่มแต่น้ำเย็น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร 
              จะทำให้ร่างกายเราต้องพยายามปรับอุณหภูมิให้อุ่นเหมาะสมก่อน
   แล้วจึงนำไปใช้   การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มีประโยชน์อะไร      เพิ่มกรดให้ร่างกาย  แถมมีน้ำตาลที่สะสมตาม
              ร่างกายอีก
  อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ  8 แก้วนะ   น้ำสะอาดจะช่วยล้างของเสียออกจากร่างกาย   อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาด
       
          เราจะต้องพยายามปรับวิถีการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะนิสัยการกิน   การปลูกฝังนิสัยการกินที่ดีและดูแลปัจจัยเรื่องเวลา   เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์และสามารถ
กำจัดสารที่ไม่เป็นประโยชน์ในร่างกายตามตารางเวลาที่ควรจะเป็นเพราะ
  
1. ช่วงเวลากลางคืน  3 ทุ่ม - 5 ทุ่ม  : 
          เป็นระยะเวลาที่ร่างกายจะกำจัดสารพิษต่าง ๆ โดยระบบต่อต้านเชื้อโรคในร่างกาย  (ระบบหมุนเวียนของน้ำเหลืองในร่างกาย)   ช่วงเวลานี้ควรจะต้องถูกใช้ไปในการพักผ่อน 
หรือผ่อนคลายด้วยการฟังดนตรี   ถ้าหากช่วงเวลานี้แม่บ้านยังคงวุ่นอยู่กับงานบ้าน  เช่น  ล้างจาน  หรือดูแลเด็ก  ให้ทำการบ้าน  เป็นต้น   สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลลบต่อร่างกาย
2. ช่วงเวลากลางคืน 5 ทุ่ม - ตี 1  : 
          กระบวนการกำจัดสารพิษในตับและแน่นอน  ควรจะต้องอยู่ในช่วงการนอนหลับสนิท  ในช่วงเช้าระหว่างเวลาตี 1 ถึง ตี 3 นั้น  กระบวนการกำจัดสารพิษในน้ำดี  ก็ควรจะเป็นช่วง
แห่งการนอนหลับสนิทเช่นกัน
3. ช่วงเวลาตี 1 - ตี 3 :          
          การกำจัดสารพิษในปอด  เพราะฉะนั้นอาจจะมีอาการไออย่างรุนแรง  สำหรับผู้ที่มีปัญหาการไอในช่วงเวลาดังกล่าว  ตอนนี้กระบวนการกำจัดสารพิษจะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้ว 
และก็ไม่จำเป็นที่คุณจะใช้ยาแก้ไอ   เพื่อที่จะได้ไม่ไปขัดขวางขั้นตอนการกำจัดสารพิษในร่างกาย          ห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด   เนื่องจากถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน   ถ้าอดนอนเวลานี้บ่อย ๆ จะทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี     
4. ช่วงเช้า ตี 5 - 7 โมงเช้า :
          การกำจัดสารพิษในปลายลำไส้ใหญ่  ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำให้พุงและลำไส้ของคุณว่างลง
5. ช่วงเช้า 7 - 9 โมงเช้า :
          การดูดซึมสารอาหารสู่ลำไส้เล็ก  คุณควรจะต้องทานอาหารเช้าในช่วงเวลานี้  อาหารเช้าควรจะก่อนเวลา  6.30 น.  สำหรับผู้ป่วย    อาหารเช้าที่ทานก่อน 7.30 น. นั้นดีต่อผู้ที่ต้องการมีร่างกายสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ    ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์  ควรกินเวลา  7.00 น - 9.00 น.  เนื่องจากกระเพาะเรามีสภาพเป็นกรดสูงมากที่สุด   ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆ ขั้วกระเพาะเราจะเป็นปุ่มปม  และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร  ผู้ใดที่ไม่ทานอาหารเช้าตลอดเวลา  ควรจะต้องรีบเปลี่ยนพฤติกรรมนี้เสีย   และการทานอาหารเช้าในช่วงสายตั้งแต่ 9 - 10 น.  ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรลงไปในท้องเลย         
          แต่ห้ามกินนมในตอนเช้าแทนข้าวเช้า  เนื่องจากตอนเช้านั้น   กระเพาะจะเป็นกรดสูงมาก   นึกสภาพดูหากเราบีบน้ำมะนาวลงในนม   จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี  กลายเป็นคอลลอยด์  มันไม่ย่อยนะ  ยิ่งถ้าดื่มนมตอนท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า  ระวังจะเป็นมะเร็งในไขกระดูก  แต่ถ้าเป็นช่วงหลังอาหารเช้าหรือตอนบ่ายไปแล้ว  หรือตอนเย็นก็ดื่มได้ตามปกติ  มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆ อย่างนมกับไข่ก็ไม่ว่ากัน

          การนอนดึกตื่นสายนั้นเป็นปัญหาต่อกระบวนการทำลายของเสียในร่างกาย  นอกจากนั้นช่วงเที่ยงคืนถึงตี 4 ก็ยังเป็นเวลาที่ร่างกายผลิตเลือด   เพราะฉะนั้น 

    
"อย่านอนดึกและอย่านอนตื่นสาย"  ขอให้ถนอมสุขภาพร่างกายของเราให้ดีกันทุกคนนะจ๊ะ 


Thitima Doungprasert, Ms.
HPO: Human Resource Planning and Development
IRPC Co.,Ltd (Thailand) 038-611333 ext. 1184
Mobile: +66 81 837 6601


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น